

เนื่องจากรอบนี้เป็นรอบที่สองที่เราไป wat เรากับเพื่อนเลยตกลงเลือกงานนี้เพราะเป็นงานที่stableทั้งเรื่องชั่วโมงงานและ Lifestyle จากประสบการณ์ที่ไปมาเมื่อสองปีก่อนแล้วเจอปัญหาเยอะมาก ๆๆๆๆจากงานรอบที่แล้วที่เราทำที่ร้าน Retail ทั่วไป แล้วเจอปัญหาหลายเรื่องมากอย่างเช่นโดนลดชั่วโมงงานเหลือน้อยมากเพราะฝนตกแล้วไม่สามารถเปิดร้านได้ แต่ Lifeguard ที่เราทำคือต่อให้ฝนจะตก พายุเข้า เราก็ต้องอยู่เฝ้าสระอยู่ดี 55555555 ซึ่งก็คือจะไม่มีปัญหานี้เลย

ทำงาน lifeguard ที่อเมริกา จะต้องมี License ประจำตัว ซึ่งก็คือจะต้องผ่าน Swimming Test (ว่ายน้ำ 500 เมตร ท่าฟรีสไตล์หรือกบก็ได้, ดำน้ำเก็บวัตถุลึก ~3 เมตร, การใช้เครื่องมือช่วยเหลือคนจมน้ำ) กับ สอบข้อเขียนความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการช่วยเหลือคน (จะมีการเปิดคลิปสอนก่อนทุกคนไม่ต้องห่วงใน Part นี้เลย ข้อสอบไม่ยากและคำศัพท์ที่ใช้ในข้อสอบก็ชิวมาก) + CPR Test ซึ่ง P:rocess ทั้งหมดใช้เวลาแค่ 2 วันเท่านั้นรวม Training + Test นับหลังจากที่เราบินไปถึงอเมริกา ซึ่งทาง Sunset Pool จะมีรถไปรับที่สนามบิน/สถานีรถไฟที่เราเดินทางไปลงจากไทย แล้วเค้าจะพาไปพักโรงแรมที่จะต้องไปสอบ เราไม่ต้องนั่งรถไปเองเลย อันนี้สะดวกมากๆๆๆ พอหลังสอบผ่านแล้วเค้าก็จะพาเราไปส่งที่ Apartment ที่เราจะพักระหว่างที่อยู่ที่นั้นตลอด Summer เลย ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเลย สบายม้าก *สอบว่ายน้ำแนะนำให้ทุกคนฝึกมาก่อนเพราะเค้าเน้นความอึดพอสมควร แต่ไม่มีการจับเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งส่วนตัวเราไม่ได้เป็นคนว่ายน้ำแข็งอยู่แล้วแต่ก็คือพอว่ายได้ เราฝึกก่อนบินไปประมาณ 3 เดือนได้ แบบหาเวลาไปว่ายชิว ๆ ว่ายเรื่อย ๆ พอให้ตัวเองจับเทคนิคการหายใจได้ + ว่ายอึดขึ้น*
Lifestyle การทำงาน Lifeguard ในมุมของเราที่เจอคือชิวมากจากใจ หน้าที่หลัก ๆ ในแต่ละวันจะมีเช็คคลอรีน + ค่าpHของน้ำ แล้วก็บางวันอาจต้องมีเติมน้ำเข้าสระหรือทำความสะอาดสระบ้างขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นสกปรกมั้ยยังไง (มีเหนื่อยนิดนึงถ้าเป็นวันที่ต้องเปิดสระหลังวันที่พายุเข้า) ในส่วนของลูกบ้านที่เราเจอทุกคนน่ารักมากก เด็กก็ไม่ซนเท่าไหร่ด้วย5555555 โชคดีสุด ๆ มีบางครอบครัวเค้าทำขนมก็เอามาแบ่งเรา หรือลูกบ้านบางคนเห็นเรานั่งอยู่ที่สระเหงา ๆ คนเดียวเค้าก็เดินมานั่งคุยด้วย ทำกาแฟมาให้บ้างอะไรบ้าง ทุกคน Friendly และน่ารักม้าก แล้วเราโชคดีเจอพี่คนไทยที่อาศัยอยู่ Apartment ที่เราทำงานพี่ ๆ ก็คือเอาน้ำเอาขนมมาแบ่งตอนไปสระไปอี้ก บางวันคือตำส้มตำมาแบ่งด้วย55555 ส่วนช่วงที่รู้สึกหนักที่สุดของการทำงาน Lifeguard อาจเป็นช่วงที่เค้ามีจัด Party (ซึ่งนี่เจอไม่บ่อย) กับช่วงเดือน July~August ที่อากาศจะร้อนขึ้นและเป็นช่วง Peak Season ช่วงเดือนนั้นอากาศจะร้อนขึ้นมากกว่าปกติหน่อย อาจต้องมีพกพัดลมส่วนตัวไปก็จะดี5555555 (ซึ่งนี่มีลูกบ้านใจดีเอา Getorade มาให้ด้วยอีก เพราะสระเราคือไม่มีพัดลม แล้วแบบอากาศคือร้อนมากจริง ๆ วันนั้น 🥹) + คนจะมาใช้สระน้ำเยอะขึ้น เท่ากับว่าจะ Busy ขึ้น (แต่ก็ไม่ใช่ทั้งอาทิตย์นะ แค่บางวันเท่านั้นแหละ5555555) แล้วก็!!! เวลาว่าง ๆ ไม่มีคนเล่นน้ำในสระจะสามารถเอาหนังสือออกมาอ่านได้ (หรือเล่นทส *ซึ่งทสเนี่ยคืออาจต้อง Make Sure ว่าไม่มีคนบริเวณสระเลยจริง ๆ เพราะถ้า Supervisor มาอาจซวยได้แต่ Sup เราใจดี LOL) ซึ่งแบบเราชอบมาก ๆ มันเป็นอะไรที่รู้สึกได้พักผ่อนและ Healing สุด ๆ อ่อใช่ อีกอย่างคือสระที่เราทำจะเป็นสระประจำไปเลยทั้ง Season ใช้เวลาเดินจากที่พัก 15 นาที สายชอบเดินอย่างเราคือฟิน ๆ 555555555 แต่ถ้าอย่างน้อง Roommates ในบ้านเราสระเค้าอยู่ไกลจากที่พัก ก็จะมีคนขับรถรับ-ส่งทุกวันแทน


คือทุกคนอาจเห็นราคาแบบนี้แล้วตกใจนิดหน่อย แต่ Apartment ที่เราอยู่คือดีมาก ๆๆๆๆ (ป้าย Ads หน้าApartment มันเขียนว่า Luxury Apartment 5555555555555) Facilities ครบเครื่องสุด ๆ ทั้ง Fitness, Pool, Play Zone (โต๊ะพูลหรือพวกเกมโต๊ะเล็กๆไรงี้), BarBQ Zone, ห้องอ่านหนังสือ, Studio Room (ห้อง stu มีกระจก ไว้ฝึกเต้น (?) ไรงี้555555), Theatre Room เอยใด คือครบจริง ๆ ที่สำคัญ My Fav One คือเดินไปแค่ 5 นาทีคือถึง Metro แล้ว สะดวกสบายสุด ๆ มาถึงตัวห้องที่เราอยู่กัน ห้องเราจะมี Roommates 4 คนรวมเรา เป็นคนไทยทั้งหมด ชาย 2 หญิง 2 จะเป็นห้อง 2 Bedrooms 2 Bahtrooms ก็คือแยกกันใช้ได้เลยตามสบาย ห้องน้ำเราคือมี 2 Sink ด้วยซ้ำ แบ่งกันใช้กับเพื่อนได้ชิว ๆ ไม่ต้องแย่งกัน5555555 แล้วก็มีครัวไว้สำหรับทำอาหารได้เองด้วย ซึ่งทาง Sunset Pool เค้าจะ Provide เครื่องครัว+จานช้อนซ้อมมาให้อยู่แล้ว สิ่งที่เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องซื้อเพิ่มเองก็มีแค่เขียงซึ่งมันไม่แพง เราซื้อมาไม่ถึง $15 หารกันกับคนในบ้านเอา อีกอย่างที่ขาดไปไม่ได้คือ ในตัวห้อง Provides เครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้ามาให้แล้วด้วย! ไม่ต้องไปหยอดเหรียญซักหรือใช้ส่วนกลางกับคนอื่นเลย
โซนที่เราอยู่จะใกล้กับสนามบิน แล้วแถว ๆ นั้นส่วนใหญ่จะเป็นสำนักงานหมดเลย อย่างเช่น ตึก Airbus อยู่หลังที่ทำงานเรา5555555 เดินไปไหนแถวนั้นก็จะมีแต่พวก Hotel/ Resort/ Apartment หรือ Tech-Engineering Company ต่าง ๆ ซึ่งนี่ว่าค่อนข้างปลอดภัยไม่มี Homeless เลยตรงโซนที่เราอยู่ เดินไปสัก30นาทีก็จะมี Villa เป็นพวก Supermarket หรือร้านอาหาร/ Bar/ Mart ต่างๆ (i.e CVS, 7-11) หรือแม้กระทั่ง Pilates Studio ก็มี555555 ถ้าวันไหนมีแรงเดินเยอะ ๆ ก็จะแวะไป Shoppingนิดหน่อยหลังเลิกงานฟีล ๆ


จริง ๆ อันนี้ก็แล้วแต่คนเลย อย่างเราเริ่มงานตอนเที่ยง โดยปกติแล้วช่วงเช้าก็จะตื่นไปยิมก่อนแล้วค่อยกลับมาทำอาหารเตรียมสำหรับข้าวกลางวันไว้ไปกินที่สระ ซึ่งพวก Ingredients ไว้ทำอาหารบ้านเราจะสั่งเป็น Walmart Delivery เอาเพราะสะดวกกว่าไปซื้อเองเนื่องจากบ้านนี้ทำงานกันทุกวันกว่าจะเลิกงานก็ค่ำแล้ว555555 นอกจากนี้ก็จะมีไปปาร์ตี้ไป Hang Out กันบ้างอะไรบ้างกับเพื่อน ๆ Lifeguard คนอื่นที่รู้จักกันจาก Lifeguard Party หรือที่รู้จักกันมาจากไทย (aka ทุกอาทิตย์ 55555) หรือ Day-Off เราก็จะชอบเข้าไปเดินเล่นจอย ๆ ใน DC เพราะใกล้และสะดวกด้วย
หลัก ๆ Summer ที่ผ่านมาของเราก็จะประมาณนี้เลย เราไปแบบเน้นใช้ชีวิตเก็บประสบการณ์เพราะมันคือรอบสุดท้ายของเราแล้ว55555 คือถือว่าเป็น 4 เดือนที่คุ้มอยู่พอตัวเลยอ่ะ Work Hard Party Harder สุดๆ
🙂↔️ ในส่วนของทริปที่ไปเที่ยวเราไป New York กับ Road Trip West Coast เอาแบบคุ้มๆเลย ถ้าใครอยากถามอะไรเพิ่ม ทักมาถามส่วนตัวได้นะ Good Luck Kub! 🤞🏼
Copyright 2024 © by New Step Exchange Program. All rights reserved.